ยาคุมฉุกเฉินคืออะไร?
ยาคุมฉุกเฉิน
เป็นฮอร์โมนเช่นเดียวกับยาคุมกำเนิดธรรมดา แต่มีขนาดยาสูงกว่า กินเพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน เช่น
เกิดจากความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการรั่วหรือฉีกขาดของถุงยางอนามัย
หรือลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดตั้งแต่2เม็ดขึ้นไป หรือใช้ในกรณีผู้หญิงถูกข่มขืน ซึ่งยาคุมฉุกเฉินจะป้องกันการตกไข่
ยาคุมฉุกเฉินต่างจากยาคุมธรรมดาอย่างไร
ยาคุมฉุกเฉินมีส่วนผสมเช่นเดียวกับยาคุมธรรมดา
แต่มีปริมาณ ฮอร์โมนต่อเม็ดสูงกว่า
ต้องกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายใน เวลาที่กำหนดเท่านั้นจึงจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ยาคุมธรรมดามีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดน้อยกว่าซึ่งต้องกินวันละ 1 เม็ดทุกๆวัน
ประเภทยาคุมฉุกเฉิน
ในกลุ่มของยาเม็ดรับประทานมีหลายกลุ่ม เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างเดียว , ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน อย่างเดียว, ฮอร์โมนรวม และ ดานาซอล แต่ที่นิยมและหาได้ง่ายมีเพียง
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวและฮอร์โมนรวมเท่านั้น ในประเทศไทยปัจจุบัน
มียาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินที่นิยม คือ โพสตินอร์ (Postinor®)
และ มาดอนนา (Madonna®) ซึ่งขายเป็นแผง โดยมียาบรรจุไว้ 2 เม็ด
ประเภทยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน
1. ยาเม็ดโปรเจสตินอย่างเดียว
ประกอบด้วย Levonorgestrel
มี 2 ขนาด คือ
1. 1.5 mg รับประทานครั้งเดียว
2. 0.75 mg รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง และควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์
1. 1.5 mg รับประทานครั้งเดียว
2. 0.75 mg รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง และควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์
2. ยาเม็ดฮอร์โมนรวม (Yuzpe regimen)
เป็นฮอร์โมนรวมระหว่าง estrogen และ progestin
คือ ethinyl estradiol 0.1 mg รวมกับ
Levonorgestrel 0.5 mg รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12
ชั่วโมงและควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์
**แต่มีผลข้างเคียงมากกว่าแบบแรก**
ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน
ควรรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ตามด้วยยาเม็ดที่สองซึ่งจะให้ประสิทธิภาพใน
การป้องกันการ ตั้งครรภ์ได้ 75 %
แต่หากเริ่มยาภายใน 24ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์
เพิ่มขึ้นเป็น 85 %
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน
1. คลื่นไส้อาเจียน อาจแก้ได้โดยการรับประทานยาอาเจียน metoclopramide ในขนาด 10 mg ก่อนการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด 1 ชั่วโมง จะสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ 2. เลือดออกกะปริดกะปรอย การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดอาจทำให้มีอาการเลือดออกกะปิดกะปรอยได้ แต่เลือดที่ออกมานั้นจะมีไม่มากและมักจะหยุดไปเอง 3. การเปลี่ยนแปลงของประจำเดือน การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดอาจทำให้ประจำเดือนมาก่อนหรือหลังปกติประมาณ 1 สัปดาห์ ถ้าหากเลย 1 สัปดาห์ไปแล้วอาจมีการตั้งครรภ์ได้ 4. อาการอื่นๆ เช่น ปวดท้อง คัดตึงเต้านม ปวดศีรษะ มึนงง อ่อนเพลีย อาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินไม่ควรกินร่วมกับยาใดบ้าง
มีการศึกษาพบว่า
เมื่อทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินร่วมกับยารักษาวัณโรค(Antituberculosis) หรือ ยากันชัก (Anticonvulsant) หรือ ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
จะทำให้ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดลดลงได้
ข้อควรระวัง
สำหรับผู้ที่มีประวัติเป็นโรคลมชัก, โรคหัวใจ, โลหิตแข็งตัว
หรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับเส้นเลือดหัวใจอาจต้องปรึกษาแพทย์เสียก่อน
อาจใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งปลอดภัยกว่าชนิดฮอร์โมนรวม
อย่างไรก็ตาม ประมาณ 20 ปีที่มีการผลิตยานี้ขึ้นมาใช้
ยังไม่พบว่ามีรายงานการเสียชีวิต หรืออาการแทรกซ้อนร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วแต่ยังตั้งครรภ์ เด็กในครรภ์จะพิการหรือไม่
การกินยาคุมฉุกเฉินในกรณีฉุกเฉินจริง
ๆ ไม่ได้กินบ่อย ๆ ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ทารกมีความพิการแต่กำเนิด
ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่ผู้หญิงกินยาโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่
หรือกินยานี้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แต่ไม่ได้ผลก็ตาม เพราะมีการศึกษาพบว่าการกินยาคุมในขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อความพิการของทารก
ที่จะคลอดออกมา
ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
- เข้าใจว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถคุมกำเนิดได้ในระยะยาว
หากต้องการคุมกำเนิดระยะยาวควรใช้วิธีคุมกำเนิดแบบปกติซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากกว่า หากรับประทานยาคุมฉุกเฉินติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจมีอาการข้างเคียงจากการรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ
เลือดออกกระปิดกระปรอย ทั้งนี้ยังรวมถึงการตั้งครรภ์นอกมดลูกอีกด้วย
- ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาทำแท้ง
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง แต่ป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้นโดยยาจะป้องกันการฝังตัวของไข่ที่ผนังมดลูก แต่ถ้าหากไข่ปฏิสนธิและฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว
ยาจะไม่มีผลใด ๆ ดังนั้น ยาคุมกำเนิดจึงไม่ใช่ยาทำแท้ง
- ยาคุมฉุกเฉินสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ยาคุมฉุกเฉินและยาคุมกำเนิดแบบปกติ ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
แต่วิธีที่สามารถป้องกันได้คือการใช้ถุงยางอนามัย
อย่าลืมว่า!
ยาคุมฉุกเฉินช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์เท่านั้น
ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใดๆ
เลย
สิ่งที่จะช่วยป้องกันการติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุดคือ
" ถุงยางอนามัย "
ซึ่
งการใช้ถุงยางเปรียบเสมือน
ใช้กระสุนนัดเดียว
ยิงนกได้สองตัว
เพราะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ และป้องกันการติดโรคได้ในขณะเดียวกัน
แหล่งอ้างอิง
1. ผศ.ชบาไพร โพธิ์สุยะ. (2549).
การคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน. พิมพ์ครั้งแรก. เชียงใหม่: ห้างหุ้นส่วนจำกัด
เชียงใหม่แสงศิลป์.
2. ภญ.พิชญา
ดิลกพัฒนมงคล. (2554). ยาคุมฉุกเฉิน เรื่องจริงที่ผู้หญิงต้องรู้. วันที่ค้นข้อมูล 6 กรกฎาคม 2555,จาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เวปไซด์: http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=54
3. นพ.ชำนาญ แท่นประเสริฐกุล. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินใช้อย่างไรให้ถูกต้อง.
วันที่ค้นข้อมูล 8 กรกฎาคม 2555,จาก Thaiclinic เวปไซด์: http://www.thaiclinic.com/medbible/emergencypill.html
I have been on blog Sites for a while now and today I felt like I should share my story because I was a victim too. I had HIV for 6 years and I never thought I would ever get a cure I had and this made it impossible for me to get married to the man I was supposed to get married to even after 2 years of relationship he broke up with me when he found out I was HIV positive. So I got to know about Dr. Itua on Blog Site who treated someone and the person shared a story of how she got cured and let her contact details, I contacted Dr. Itua and he actually confirmed it and I decided to give a try too and use his herbal medicine that was how my burden ended completely. My son will be 2 soon and I am grateful to God and thankful to his medicine too.Dr Itua Can As Well Cure The Following Disease…Alzheimer’s disease,Bechet’s disease,Crohn’s disease,Parkinson's disease,Schizophrenia,Lung Cancer,Breast Cancer,Colo-Rectal Cancer,Blood Cancer,Prostate Cancer,siva.Fatal Familial Insomnia Factor V Leiden Mutation ,Epilepsy Dupuytren's disease,Desmoplastic small-round-cell tumor Diabetes ,Coeliac disease,Creutzfeldt–Jakob disease,Cerebral Amyloid Angiopathy, Ataxia,Arthritis,Amyotrophic Lateral Scoliosis,Fibromyalgia,Fluoroquinolone Toxicity
ตอบลบSyndrome Fibrodysplasia Ossificans ProgresSclerosis,Seizures,Alzheimer's disease,Adrenocortical carcinoma.Asthma,Allergic diseases.Hiv_ Aids,Herpe ,Copd,Glaucoma., Cataracts,Macular degeneration,Cardiovascular disease,Lung disease.Enlarged prostate,Osteoporosis.Alzheimer's disease,
Dementia.Lupus.
,Cushing’s disease,Heart failure,Multiple Sclerosis,Hypertension,Colo_Rectal Cancer,Lyme Disease,Blood Cancer,Brain Cancer,Breast Cancer,Lung Cancer,Kidney Cancer, HIV, Herpes,Hepatitis B, Liver Inflammatory,Diabetes,Fibroid, Get Your Ex Back, If you have (A just reach him on drituaherbalcenter@gmail.com Or Whatsapp Number.+2348149277967)He can also advise you on how to handle some marital's issues. He's a good man.